ความยืดหยุ่น คือสถานะของการตั้งค่า API คอนเวอร์ชันที่ช่วยให้สามารถจับคู่สัญญาณและการระบุแหล่งที่มาในระดับสูงสุด ข้อมูลเพิ่มเติมนี้จะช่วยให้เรารายงานได้แม่นยํายิ่งขึ้น เนื่องจากนโยบายของอุตสากรรมโฆษณามีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปเรื่อยๆ

การจับคู่สัญญาณจะช่วยให้คุณแสดงโฆษณาของคุณไปยังผู้ที่มีแนวโน้มที่จะดำเนินการตามที่คุณสนใจ และแสดงการดำเนินการเหล่านั้นกลับไปยังโฆษณาของคุณ ความยืดหยุ่นที่ดีหมายความว่าเหตุการณ์มีแนวโน้มที่จะจับคู่กับบัญชี Pinterest มากกว่า ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นคอนเวอร์ชันมากขึ้นและลดค่าใช้จ่ายต่อผลลัพธ์

เราขอแนะนําให้คุณส่งสัญญาณที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุดเท่าที่จะทําได้ (IP, อีเมล, ID ภายนอก, ID การคลิก, MAID) เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดี เมื่อคุณส่งสัญญาณที่มีความยืดหยุ่นเหล่านี้ คุณอาจเห็นอัตราการจับคู่ที่สูงขึ้นซึ่งอาจนําไปสู่อัตราแอตทริบิวต์ที่สูงขึ้นและคอนเวอร์ชันที่มีการระบุแหล่งที่มามากขึ้น

วิธีที่เราคํานวณสถานะความยืดหยุ่น

สถานะความยืดหยุ่นมีสองประเภท: ดีและแย่ สถานะความยืดหยุ่นของคุณจะปรากฏในส่วนสถานะคอนเวอร์ชันของตัวจัดการโฆษณา

เราคํานวณสถานะความยืดหยุ่นโดยใช้ปัจจัยหลายประการ:

  • พารามิเตอร์ลูกค้าที่ได้รับ 
  • ปริมาณและคุณภาพของพารามิเตอร์เหล่านั้นที่ใช้สําหรับการจับคู่
  • เปอร์เซ็นต์ของเหตุการณ์ที่ได้รับพารามิเตอร์
  • พาริตี้เหตุการณ์ซ้อนทับกับแท็ก Pinterest และวิธีการลบรายการซ้ําระหว่างแหล่งที่มาของเหตุการณ์ (หากมี)
    •

    การตั้งค่าใด ๆ ที่ไม่บรรลุความยืดหยุ่น "ดี" ตามข้างต้นถือว่าไม่ดี

    วิธีเข้าถึงและดูสถานะความยืดหยุ่นของคุณ

    วิธีดูสถานะความยืดหยุ่นปัจจุบันของคุณ:

  • เข้าสู่ระบบบัญชี Pinterest Business ของคุณ
  • คลิกโฆษณาในเมนูด้านบนและเลือกคอนเวอร์ชัน
  • เลือกหน้าโทเค็นการเข้าถึงคอนเวอร์ชันจากการนําทางด้านซ้ายมือ
  • สถานะความยืดหยุ่นของคุณแสดงที่มุมขวาบน
    •  ข้อกําหนดและคําแนะนําเกี่ยวกับความยืดหยุ่น

    ด้านล่างนี้เป็นข้อกําหนดทั่วไปที่คุณอาจเห็นซึ่งเกี่ยวข้องกับการบรรลุความยืดหยุ่น เราได้สรุปคําแนะนําเพื่อแก้ไขข้อกําหนดเหล่านี้เพื่อปรับปรุงสถานะของคุณ หากคุณทํางานกับพันธมิตร CAPI ของบุคคลที่สามหรือพาร์ทเนอร์การวัดผลบนอุปกรณ์มือถือ (MMP) โปรดตรวจสอบกับพันธมิตรดังกล่าวเกี่ยวกับวิธีการใช้คําแนะนํา:

    ข้อกำหนด คําแนะนําเพื่อปรับปรุงสถานะความยืดหยุ่นของคุณ
    API คอนเวอร์ชันประกอบด้วยเหตุการณ์แท็กทั้งหมด (Event Parity) ตรวจสอบว่า API คอนเวอร์ชันส่งต่อเหตุการณ์แท็กทั้งหมดด้วย ยืนยันว่าทั้ง API คอนเวอร์ชันและแท็กมี ID เหตุการณ์ที่ให้สามารถลบเหตุการณ์ซ้ำได้อย่างถูกต้อง เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความครอบคลุมของเหตุการณ์และการลบรายการซ้ำ
     
    เหตุการณ์เส้นทางการขายระดับล่างส่งอีเมลหรือข้อมูลผู้ใช้ MAID

    เพิ่มความครอบคลุมสําหรับอีเมลหรือ MAID เป็นอย่างน้อย 10% ในเหตุการณ์เส้นทางการขายระดับล่าง (Checkout, AddtoCart, Signup และ Lead) 

    สําหรับอีเมล ต้องใช้แฮช SHA256 ของอีเมลที่เป็นตัวพิมพ์เล็กสําหรับการจับคู่

    สำหรับ MAID ต้องใช้แฮช SHA256 "Google Advertising IDs" (GAID) ของผู้ใช้ หรือ "Apple's Identifier for Advertisers" (IDFA) ในการจับคู่

    เราขอแนะนำสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างยิ่งหากเป็นไปได้ในเหตุการณ์การชำระเงินเนื่องจากอาจช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการรายงาน เช่น ROAS/CPA เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งเหตุการณ์
    เหตุการณ์ทั้งหมดส่งข้อมูลผู้ใช้ IP และ UA

    เพิ่มความครอบคลุมของ IP และ UA เป็นอย่างน้อย 10% เนื่องจากอาจช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการรายงาน เช่น ROAS/CPA

    IP คือที่อยู่ IP ของผู้ใช้ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งในรูปแบบ IPv4 หรือ IPv6 UA คือสตริงตัวแทนผู้ใช้ในเว็บเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ 

    เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งเหตุการณ์
    เหตุการณ์ทั้งหมดส่ง ID ภายนอก

    เพิ่มความครอบคลุมสําหรับ ID ภายนอกเป็นอย่างน้อย 10%

    ID ภายนอกเป็นสตริงที่แสดงถึงผู้ใช้บนเบราว์เซอร์หรือระบบของผู้โฆษณา คุณสามารถส่ง ID ภายนอกอย่างน้อยหนึ่งรายการสําหรับเหตุการณ์ที่กําหนด และเราจะใช้ ID นั้นเพื่อจับคู่กับผู้ใช้ Pinterest เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ID ภายนอก
    ปรับปรุงสถานะความยืดหยุ่นของคุณ

    หากคุณประสบปัญหาเกี่ยวกับความยืดหยุ่น "ดี" โปรดพิจารณาจัดลําดับความสําคัญของพารามิเตอร์ด้านล่าง หากเป็นไปได้ เราขอแนะนําให้ส่งรายการด้านล่างให้มากที่สุด/ทั้งหมด:

    สัญญาณ/ID ของ CAPI คำจำกัดความ น้ําหนัก/อันดับ
    client_ip_address + client_user_agent ที่อยู่ IP + ตัวแทนผู้ใช้ สูง
    em email สูง
    external_id ID ภายนอก สูง
    hashed_maid ID โฆษณาบนมือถือ สูง
    click_id ID การคลิก สูง
    fn + ln ชื่อและนามสกุล ต่ำ
    ph หมายเลขโทรศัพท์ ต่ำ
    ge, bd, ct, st, zp, ประเทศ
    เพศ วันเกิด เมือง รัฐ รหัสไปรษณีย์ ประเทศ    		 ต่ำ

    หมายเหตุ: น้ำหนัก/อันดับขึ้นอยู่กับความน่าจะเป็นของการเพิ่มอัตราการจับคู่

    วิธีส่ง ID การคลิก

    เมื่อผู้ปักพินคลิกโฆษณา Pinterest จะเพิ่ม ID การคลิกที่ไม่ซ้ำไปยัง URL ของหน้าแลนดิ้งเพจ พารามิเตอร์ URL สําหรับ ID การคลิกคือ "epik" ผู้โฆษณาควรบันทึกค่าของพารามิเตอร์ URL epik ในคุกกี้ 1P และส่งไปพร้อมกับเหตุการณ์ CAPI ที่ตามมา

    URL ตัวอย่าง:

    https://advertiser.com?epik=dj0yJnU9MnZCMDR6S3FpcnNiQkFBRHNCdGh2Rjl3WW9……

  • หากคุณติดตั้งแท็ก Pinterest ไว้และคุกกี้ _epik ไม่ได้อยู่ใน URL อีกต่อไป คุณสามารถดู ID การคลิกได้จากคุกกี้ _epik 1p 
  • หากคุณไม่มีแท็ก Pinterest คุณสามารถใช้ &_epik จาก URL โดยเขียน _epik นี้ในคุกกี้บุคคลที่หนึ่ง และส่งต่อข้อมูลนี้ร่วมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาบนเว็บไซต์ของคุณหลังจากที่ผู้ใช้เข้าสู่หน้าแลนดิ้งเพจ
    •

    สําหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูเอกสารสําหรับนักพัฒนาของเรา

    วิธีการส่ง ID ภายนอก

    ID ภายนอกเป็นสตริงที่แสดงถึงผู้ใช้บนเบราว์เซอร์หรือระบบของผู้โฆษณา คุณสามารถส่ง ID ภายนอกอย่างน้อยหนึ่งรายการสําหรับเหตุการณ์ที่กําหนด และเราจะใช้ ID นั้นเพื่อจับคู่กับผู้ใช้ Pinterest

    สามารถส่ง ID ภายนอกผ่านหลายช่องทาง รวมถึงแท็ก Pinterest และ API คอนเวอร์ชัน สิ่งสําคัญคือคุณต้องสอดคล้องกันในทุกช่องทาง ตัวอย่างเช่น หากคุณส่งเหตุการณ์แท็ก Pinterest ที่มีการตั้งค่า external_id เป็น 1234 เหตุการณ์ API คอนเวอร์ชันสําหรับผู้ใช้รายนั้นควรตั้งค่า external_id เป็น 1234

    เราขอแนะนำให้ส่งรหัสก่อนการอนุญาตพร้อมกับรหัสหลังการอนุญาตในช่อง ID ภายนอก (เช่น ช่อง ID ภายนอก: ['external_id_1', 'extneral_id_2'])

  • ส่งรหัสก่อนการอนุญาตทั้งเหตุการณ์ 
  • ส่งรหัสของผู้โฆษณาหลังจากที่ผู้ใช้เข้าสู่ระบบ เช่น รหัสผู้ใช้ รหัสสมาชิก
    •

     

    สถานการณ์ ID ภายนอก ผู้โฆษณาจะค้นหาได้อย่างไร
    ยกเลิกการอนุญาต (ผู้ใช้ไม่ได้เข้าสู่ระบบ) ID เซสชั่น, ID ลูกค้า  โดยทั่วไปข้อมูลนี้จะสร้างขึ้นโดยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของคุณและสามารถพบได้ในนั้น ในกรณีที่คุณไม่ได้ใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ คุณสามารถสร้างสตริงที่ไม่ซ้ำกันเมื่อลูกค้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณและเก็บไว้ในคุกกี้เพื่อส่งไปยังเหตุการณ์
    การอนุญาต (ผู้ใช้เข้าสู่ระบบ) ID ผู้ใช้, ID สมาชิก, ID สมาชิก, ID การสมัครสมาชิก  นี่คือข้อมูลที่มักจะเก็บไว้ในระบบ CRM ของคุณ และโดยปกติจะถูกบันทึกเมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์ของคุณ


    สําหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดดูเอกสารสําหรับนักพัฒนาของเรา

     

     
    ยังต้องการความช่วยเหลืออยู่ใช่ไหม ติดต่อเรา
    บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่

    เราจะต้องทำอย่างไรจึงจะปรับปรุงเนื้อหาในบทความนี้ให้ดีขึ้นได้?